สรุปข่าวต่างประเทศ คอนเทนต์ย่อยง่าย เปิดกว้างทางความคิด ติดตามโคโรนาไวรัส ล่าสุด
หัวใจของการแก้ปัญหาการแพร่ไวรัสโควิดกลายพันธุ์ (variants) ทั้งในปัจจุบันและอนาคต คือ สิทธิ์การเข้าถึงวัคซีนประสิทธิภาพสูง ควบคู่กับ ความพร้อมสาธารณสุขและการเพิ่มปริมาณเตียงไอซียู
ผลทดลองศึกษาครั้งสุดท้าย Moderna หลังจากการฉีดครั้งที่สอง แสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ 98% ต่อป้องกันกรณีป่วยรุนแรง ได้นานมากกว่าห้าเดือน
วัคซีน Pfizer สร้างการตอบสนองของแอนติบอดีไวรัสดั่งเดิมได้มากกว่า วัคซีน Sinovac ประมาณ 10 เท่า และไฟเซอร์ยังต้านไวรัสกลายพันธ์ุ อัลฟาและแกมมา ได้สูงมาก
แต่ไฟเซอร์ ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อจากพันธุ์เดลต้าลดลง แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงมากต่อ การลดการเข้ารักษาในโรงพยาบาล และต่อไวรัสกลายพันธุ์ หลังฉีดครบ 2 ครั้ง
จีนตั้งบริษัทร่วมทุนกับ BioNTech เพื่อผลิตวัคซีนไฟเซอร์ mRNA ในประเทศเอง เพื่อฉีดบูสเตอร์เสริมวัคซีนเชื้อตายของจีน
วัคซีนไฟเซอร์-BioNTech ครบสองโดสมีประสิทธิภาพ 88% ต่อเชื้อเดลต้า ในขณะที่วัคซีนแอสตร้า-อ็อกซ์ฟอร์ด ครบสองโดสมีประสิทธิภาพ 67% (โดยวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์)
ผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว อาจไม่แพร่เชื้อให้กับผู้อื่นแล้ว แต่ยังมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ จึงยังต้องทำตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เหมือนเดิม
วัคซีนคุณภาพที่มีอยู่ตอนนี้ไม่สามารถป้องกันได้ 100% นี่คือเหตุผลที่แม้ว่าจะได้รับวัคซีน เราก็ติดเชื้อได้ แต่โอกาสที่จะมีอาการไม่รุนแรงมากหรือไม่มีอาการเลย และโอกาสที่จะป่วยหนักก็ต่ำมาก
ไวรัส SARS-CoV-2 จึงเป็นไวรัสที่สามารถแพร่เชื้อได้สูง จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 60 ถึง 70% ของประชากรทั้งหมดเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ที่จะทำลายห่วงโซ่การแพร่เชื้อได้อย่างแท้จริง
WHO อนุมัติให้ใช้ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ IL-6 ต่างๆ ร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ขั้นรุนแรง และวอนผู้ผลิตลดราคาลงเพื่อให้ยาเข้าถึงได้ทั่วโลก
สเปน และสาธารณะสุขเยอรมันนีแนะนำให้ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าเข็มแรก ให้ฉีด mRNA เป็นเข็มที่ 2 เพื่อป้องกันการติดเชื้อสูงจากเชื้อเดลต้า
ผู้ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนประสิทธิภาพสูง หรือยังฉีดไม่ครบโดสที่กำหนด ต้องใส่หน้ากากแม้อยู่ในบ้าน หรือพื้นที่ปิด เพื่อป้องกันเชื้อเดลต้า ในขณะที่ภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดอย่างน้อยสองสัปดาห์
เลือกฉีดวัคซีนคุณภาพรับมือกับโจทย์ไวรัสกลายพันธุ์ที่ช่วย ลดอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อรุนแรง และลดการเสียชีวิต
บริษัทผู้ผลิตวัคซีนคุณภาพเชื่อว่า ต่อไปอาจจำเป็นต้องฉีดบูสเตอร์ หรือฉีดครั้งที่สามภายใน 6 ถึง 12 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนคุณภาพครบโดสที่กำหนด
ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันทั้งการติดเชื้อและโรคตามอาการ อาจลดลงหลังการฉีดวัคซีนครบโดสหกเดือน แม้ว่าประสิทธิภาพในการป้องกันความเจ็บป่วยร้ายแรงยังคงสูงอยู่
ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป บริษัทผู้ผลิตวัคซีนยังกล่าวด้วยว่ามีแนวโน้มว่าผู้คนจะต้องได้รับช็อตบูสเตอร์เพิ่มเติมในแต่ละปี
ประชากรส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 หรือป่วยรุนแรง ทั้งจากเชื้อเดิมและเชื้อกลายพันธุ์ คือ ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน และผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดสที่กำหนด
หากการฉีดบูสเตอร์ในอนาคตถูกรับรอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัคซีนหลักเดิมที่มีอยู่ หรือโดสที่ถูกพัฒนาใหม่เจาะจงเชื้อกลายพันธุ์ การเลือกวัคซีนใดในวันนี้ กระทบความปลอดภัยในการฉีดเพิ่มวันหน้า
↗ เทรนตอนนี้
↗ การแข่งขันของผู้ผลิตที่คับคั่งเพื่อพัฒนาวัคซีนที่จำเพาะต่อ โอไมครอน
↗ บริษัทผู้ผลิตวัคซีน แข่งพัฒนาและทดสอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร่วมกันกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
↗ มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 140 รายการ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา แต่หน้าต่างการต่อสู้ด้วยวัคซีนกำลังปิดลง อนาคตที่คาดหวังของวัคซีนจะเป็นอย่างไร?
↗ ถึงแม้เคยได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ต้องฉีดวัคซีน ทุกปี ปีละ 1 เข็ม หรือไม่?
↗ จับตาเชื้อกลายพันธุ์น้องใหม่ โอมิครอน (Omicron)
↗ การศึกษาชิ้นต่อไปในอนาคต วัคซีนชนิด RNA เข็มที่ 3 และ 4 จะช่วยเพิ่มภูมิและการป้องกันโรคให้กับ ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายไปแล้วหรือไม่ ?
↗ Mix-and-match การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแบบผสมผสาน ท่ามกลางความกังวลของนักวิทย์ในประเด็น ผลลัพธ์ และผลข้างเคียงพิเศษ ?
↗ เทคโนโลยี mRNA ที่ถูกผลิตด้วยแนวความคิดอย่างนอกกรอบ: บริษัทหลายแห่งกำลังซื้อมัน เช่น วัคซีน Pfizer ผ่าน BioNTech และ Sanofi นอกจากนี้ยังกำลังตั้งเป้าใช้เทคโนโลยี mRNA ในการรักษาโรคมะเร็งและไข้หวัดใหญ่ ด้วยการประเมินมูลค่าที่มากมาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
ประสิทธิภาพวัคซีน VS ติดเชื้อไวรัสกลายพันธ์ุใหม่
ปัจจุบัน SAGE แนะนำให้ใช้วัคซีนเหล่านี้ ตามแผนงานการจัดลำดับความสำคัญของ WHO
Novavax (NVX-CoV2373) โนวาแวค
เชื้อ SARS-CoV-2: 90%
(ในการศึกษาระยะที่ 3 ที่ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกต่อเชื้อ อัลฟา เบต้า และเดลต้า)
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: เมื่อมีข้อมูลใหม่ WHO จะอัปเดตคำแนะนำตามมา วัคซีนนี้ยังไม่ได้รับการประเมินประสิทธิภาพในบริบทของการแพร่เชื้อไวรัสกลายพันธุ์
Sinovac (CoronaVac) ซิโนแวค
เชื้อ SARS-CoV-2: 51% (67% สำหรับผลศึกษาใหม่ในชิลี และป้องกันเชื้อเก่ากรณีการนอนโรงพยาบาลได้ 85%)
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: ในการศึกษาเชิงสังเกตประสิทธิผลโดยประมาณของ Sinovac-CoronaVac ในเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองมาเนาส์ ประเทศบราซิล โดยที่เชื้อแกมมาคิดเป็น 75% ของตัวอย่างจาก SARS-CoV-2 ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์แกมมา (P.1) อยู่ที่ 49.6%
ในกรณีของเชื้อเซต้า (P.2) การประเมินในสภาพแวดล้อมที่แพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง – เช่นเดียวกับในบราซิล. ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ที่ 50.7% สองสัปดาห์หลังฉีดครบสองโดส
Oxford/AstraZeneca แอสตร้าฯ
เชื้อ SARS-CoV-2: 63.09%
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: SAGE ได้ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสกลายพันธุ์ต่างๆอย่างน่าเป็นห่วง
Sinopharm ซิโนฟาร์ม
เชื้อ SARS-CoV-2: 79%
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: เมื่อมีข้อมูลใหม่ WHO จะอัปเดตคำแนะนำตามมา วัคซีนนี้ยังไม่ได้รับการประเมินประสิทธิภาพในบริบทของการแพร่เชื้อไวรัสกลายพันธุ์
Moderna โมเดอร์นา
เชื้อ SARS-CoV-2: 94.1%
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: จากหลักฐานจนถึงปัจจุบัน สายพันธุ์ใหม่ของ SARS-CoV-2 รวมถึง B.1.1.7 (แอลฟา) และ 501Y.V2 (สายพันธุ์แอฟริกาใต้) ไม่ได้เปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพของวัคซีน Moderna mRNA การติดตาม รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่และผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการวินิจฉัย การรักษา และวัคซีน COVID-19 ยังคงดำเนินต่อไป
Pfizer BioNTech ไฟเซอร์
เชื้อ SARS-CoV-2: 95%
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: SAGE ได้ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในการทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพเทียบกับไวรัสกลายพันธุ์ต่างๆ การทดสอบเหล่านี้บ่งชี้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสกลายพันธุ์
Janssen Ad26.COV2.S จอห์นสันฯ
เชื้อ SARS-CoV-2: 85.4%
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่: SAGE ได้ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต่อเชื้อกลายพันธุ์ต่างๆ ในการทดลองทางคลินิกวัคซีนนี้ได้รับการทดสอบกับไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึง B1.351 (พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้) และ P.2 (ตรวจพบครั้งแรกในบราซิล) และพบว่ามีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: เชื้อ SARS-CoV-2 คือเชื้อเก่าดั่งเดิม (ไม่ใช่เชื้อกลายพันธุ์)
อัพเดตประเทศไทย มกราคม 2565 > อ้างอิง WHO
วัคซีนที่ถูกอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินโดย WHO ทั้งหมด หลังได้รับฉีดวัคซีนครบโดสตามที่กำหนดของแต่ละวัคซีน แน่นอนว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อกลายพันธุ์ที่แตกต่างกัน
แต่สามารถลดการป่วยรุนแรงจากเชื้อ ลดโอกาสเข้ารักษาในโรงพยาบาล และยังลดการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากเชื้อเดลต้า ได้มากกว่าประมาณ 90%
แต่หากคิด 10% - 20% ที่หายไปนั้นต่อประชากร คือ ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของประชากรทั้งโลก และยังไม่คิดรวมความเสี่ยงของผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนใดๆ
จำนวน ผู้ติดเชื้อ, ผู้เสียชีวิต, และผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ทั่วโลก สด!
UPDATED: 26 มกราคม 2565
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย University of Washington และบริษัท Vir Biotechnology ได้ค้นพบการเปลี่ยนแปลงในโปรตีนหนามของโอไมครอน ซึ่งอาจนำไปสู่การออกแบบวัคซีนและการรักษาที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อเชื้อกลางพันธ์ในอนาคต ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Science
UPDATED: 24 มกราคม 2565
วัคซีน Pfizer สองโดสอาจไม่เพียงพอ ต่อการป้องกันการติดเชื้อ
ไฟเซอร์ เปิดเผยข้อมูลจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการ 2 ชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนโควิด-19 สามโดสของไฟเซอร์ กระตุ้นแอนติบอดีที่ทำให้เชื้อโอไมครอน เป็นกลาง. ข้อมูลจากผู้ที่ได้รับวัคซีน 51 รายแสดงให้เห็นว่าวัคซีนสองโดสอาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อ แต่บริษัทต่างๆเชื่อว่าการให้วัคซีนสองโดสทำให้เกิดการป้องกันโรคร้ายแรง การศึกษาที่แยกจากกันแสดงให้เห็นว่าตัวอย่างที่ถ่ายหนึ่งเดือนหลังจากให้ยาครั้งที่สาม พบว่าแอนติบอดีที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนทำให้เป็นกลางกับโอไมครอนเทียบกับก่อนการให้ยาครั้งที่สามเพิ่มขึ้น 22 เท่า อ้างอิงประมาณแปดเดือนหลังจากฉีดครบสองโดส. แอนติบอดีที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนทำให้เป็นกลางกับโอไมครอนลดลงตามปริมาณที่ใกล้เคียงกันหลังการได้รับบูสเตอร์ครั้งที่สาม > อ้างอิง
UPDATED: 21 มกราคม 2565
Moderna ยืนเหนือ Pfizer
ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย Case Western Reserve ในคลีฟแลนด์ระบุว่า ผู้รับวัคซีน Moderna มีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีน Pfizer-BioNTech การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าในบรรดาผู้ที่มีการติดเชื้อขั้นรุนแรง ผู้ใช้ Moderna มีโอกาสน้อยกว่าผู้ใช้ไฟเซอร์ที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล. ผลการวิจัยถูกตีพิมพ์ใน วารสาร Journal of the American Medical Association การศึกษานี้รวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดวัคซีน 637,000 คนจากองค์กรด้านการดูแลสุขภาพ 63 แห่งในสหรัฐอเมริกา และดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว ซึ่งผลอ้างอิงจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเดลต้าเป็นหลัก.
UPDATED: 18 มกราค